Blog
“แสงแดด” มีทั้งประโยชน์และโทษต่อผิวของคนเรา หากผิวได้รับแสง UV ในปริมาณที่มากและแรงจนเกินไป อาจนำไปสู่อาการแพ้ระคายเคืยง ผิวไหม้ เกิดฝ้า จุดด่างดำ หรือโรคผิวหนังขั้นรุนแรง อีกทั้ง แสงแดดยังเป็นตัวกระตุ้นหลักให้ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝ้า จุดด่างดำและผิวหมองคล้ำนั่นเอง
แสง UV แบ่งออกเป็น 2 ชนิดที่ใครๆหลายคนคงคุ้นหูกัน
UVA (A มาจาก Ageing) รังสีอันตรายเพราะกระทบลึกถึงชั้นหนังแท้ เน้นทำลายความแข็งแรงของอีลาสติน หรือคอลลาเจนอยู่ใต้ผิวหนัง เกิดเป็นริ้วรอยก่อนวัย
UVB (B มาจาก Burning) แผลงฤทธิ์ตอนเช้าและตอนเย็น เน้นทำให้ผิวไหม้ แสบ ระคายเคืองและอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ในที่สุดหากไม่ป้องกันให้ดี
ดังนั้นครีมกันแดดจึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่สำคัญต่อผิวของเราเป็นอย่างมาก เพราะในชีวิตประจำวัน ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสี UVA / UVB ได้เลย การปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายโดยแสงแดดจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรละเลย
เลือกครีมกันแดดแบบใดถึงจะสามารถปกป้องผิวของเราได้อย่างตรงจุดและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์?
- เลือกครีมกันแดดที่สามารถปกป้องผิวได้อย่างครอบคลุมทั้ง UVA / UVB และหากรวมไปถึงแสงสีฟ้าด้วยยิ่งดี เพราะปัจจุบัน เราได้รับการกระทบบของ Blue Light มากขึ้นทั้งจากสมาร์ทโฟน แสงไฟนีออน ฯลฯ
- สำหรับแดดแรงเมืองไทย ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป เพราะค่า SPF (Sun Protection Factor ) จะช่วยบอกระดับการป้องกันผิวจากรังสี UVB นั่นเองค่ะ ดังนั้นยิ่งค่า SPF สูงก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVB ได้มากขึ้นอีกด้วย
- SPF 15 ป้องกัน UVB ได้ถึง 93%
- SPF 20 ป้องกัน UVB ได้ถึง 95%
- SPF 25 ป้องกัน UVB ได้ถึง 96%
- SPF 30 ป้องกัน UVB ได้ถึง 96.7%
- SPF 45 ป้องกัน UVB ได้ถึง 97.8%
- SPF 50 ป้องกัน UVB ได้ถึง 98%
- เลือกครีมกันแดดที่มีค่า PA ( Protection Grade of UVA ) ที่ตอบโจทย์และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ เพราะ PA คือสิ่งที่บอกถึงคุณสมบัติของการปกป้องผิวจากรังสี UVA ส่วนเครื่องหมาย + คือค่าความสามารถและประสิทธิภาพในการปกป้องผิวดังต่อไปนี้
- PA+ ป้องกัน UVA ได้ 1-4 เท่า : ปกป้องระดับน้อย
- PA++ ป้องกัน UVA ได้ 4-8 เท่า : ปกป้องระดับปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานในร่ม
- PA+++ ป้องกัน UVA ได้ 8-16 เท่า : ปกป้องระดับมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานกลางแดด
- PA++++ ป้องกัน UVA ได้ 16 เท่าขึ้นไป : ปกป้องระดับสูงมาก ทำงานกลางแดดตลอดเวลา
- ผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวแพ้ง่ายควรเลือกครีมกันแดดที่เป็นสูตร Physical Sunscreen หรืออีกชื่อคือ Non-chemical Sunscreen ซึ่งเป็นสารกันแดดแบบสะท้อน UV จึงไม่ดูดซึมเข้าไปรบกวนผิวที่บอบบาง พร้อมเลือกสูตรที่เคลมว่าเป็น Hypoallergenic Test (ทดสอบแล้วว่าก่อให้เกิดการแพ้ต่ำ) ปราศจากน้ำหอม สารย้อมสี สารปรอท และ แอลกอฮอล์ เช่นกันแดดจากแอคซีน Super Sunshield Series
- โลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนม ACSEINE Super Sunshield BRIGHT FIT (SPF50+/PA++++) มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น โทนอัพผิวให้ดู GLOW ใสเงางามและป้องกันมลภาวะได้อีกด้วย
- ครีมกันแดดเมคอัพเบส ACSEINE Super Sunshield EX (SPF50+/PA++++) มีคุณสมบัติรักษาสมดุลน้ำมันบนผิว ช่วยปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติ
- ครีมกันแดดเมคอัพเบส ACSEINE Super Sunshield BRIGHT VEIL (SPF50+/PA++++) มีคุณสมบัติที่ช่วยคุมมัน ลดความหมองคล้ำ ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ และเป็นตัวช่วยในการปกปิดที่ดี
กลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดของแอคซีน พัฒนามาเพื่อให้ผู้ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ เพราะมีระบบ ACS (Allergen Control System) ที่ช่วยคัดกรองสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองออกไปจากผลิตภัณฑ์ พร้อมด้วยเทคโนโลยี PV (Perfect Veil) นวัตกรรมเฉพาะของ ACSEINE ที่ไม่ทำให้สารกันแดด หรือตัวเครื่องสำอางสัมผัสกับผิวโดยตรง จึงอ่อนโยนและเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย บอบบาง
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองจากแสงแดด สามมารถเข้ารับคำปรึกษากับเราได้ที่
คลิก.. ACSEINE COUNSELING หรือ LINE @acseinethailand
RELATED BLOG
Shop List
CentralPlaza Lardprao
Beauty Hall 1st Fl. (โซนเครื่องสำอาง) ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเลขที่ 1691 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900